เก็บตกโครงการ พี่อาสาพาน้องมองด้วยใจครั้งที่ ๑

หวัดดีครับ

กลับมาจากงาน "พี่อาสาพาน้องมองด้วยใจ" หมาดๆ อารมณ์ยังตกค้างนิดหน่อย เลยขอมาวางกระทู้เกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟังหลังงานน่ะครับ ผ่านไปคืนเดียวเอง ได้ยินน้องๆ โทรกลับมาหา คุยกันให้เพียบ (พวกแรงไม่หมด สงสัย ๓ ที่ยังน้อยไป และยังมาบ่นได้ว่ารีบเร่ง)

๑. น้องๆบอกว่า ไม่เคยได้ยินเสียงพี่ Wisanu เลยครับ รู้สึกว่า พี่ๆหลายๆคนที่ทำงานเบื้องหลัง เช่น ถ่ายภาพ แบกหาม และอื่นๆ น้องๆไม่เคยได้ยินเสียงเลยครับ อยู่ที่ไหนบ้างครับ/ค่ะพี่ๆ
๒. พี่วินครับ มีน้องๆ สาวๆ แอบหลงเสียง และทุ่มเถียงกันว่า พี่วินมีกี่คนกันแน่ ธฯวิน กับ สหสวิน มี ๒ คน หรือน้องๆ จำกันผิดไปเอง แต่อย่างไรก็ตาม คราวหน้า ส่งพี่กันไปพักแล้วส่งพี่วินมาแทนน้องๆ สาวๆ ก็ไม่เกี่ยงน่ะครับ/ค่ะ (รับไม่ได้ พี่กันร้องเพลงเสียงสูง รู้น่ะว่า "หนูทำได้")
๓. มีน้องบางคนที่อารมณ์นักวิชาการ อยากไปเที่ยวพิพิธพันธ์ ร.๒ คราว
หน้าลงใต้และแวะไปเพื่อสนองตันหาน้องหน่อยได้ไหมค่ะ
๔. ถ้าครั้งหน้ามีอีก อย่าทำให้มันดูเป็นพิธีการยุ่งยากได้ไหมค่ะ แบบเที่ยวจริงๆ ไม่เน้นสาระจนมีคนมาถ่ายทำเป็นสารคดี (มีคนแอบเม้ามาว่า หลวงพี่เน้นการมองด้วยใจ สงสัยเตรียมมาดีตอนอ่านชื่อโครงการ) ไม่เห็นได้คลำเท่าที่ควรเลย ห้าห้าห้า มองด้วยใจกันเป็นแถว

แต่ภาพรวมๆ ก็สนุกมากค่ะ สนุกมากครับ ได้อะไรแปลกๆที่บอกไม่ได้จากกิจกรรม อิอิอิ

แหม เรามัวแต่หมดแรงเลยโทร.กลับไปเม้าท์ช้าไปหนึ่งวันนะคะพี่ Eakachai :P

แต่อยากบอกว่าสนุกมากค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสไปเที่ยว/ร่วมกิจกรรมกับพี่ๆ อาสาค่ะถ้าคราวหน้ามีอีกอย่าลืมชวนกันนะ

ป.ล. เห็นด้วยกับข้อ 1 ค่ะ

Pomme

รู้สึกว่า มีแต่คนหมดแรง ไม่รู้เร่วแรงหายไปไหนหมด ทั้งๆที่เราก็เที่ยวกันไม่กี่ที่เอง ว่าปะ บางคนยังบ่นว่า เร่งรีบไปหรือเปล่า..... แต่ผมว่า OK น่ะครับ

ผมวิษณุครับ ดีใจด้วยครับที่ทุกคนสนุกกับการไปเที่ยวด้วยกันครั้งนี้

๑. คนที่ทำงานเบื้องหลังก็อย่างนี้แหละครับ ไม่ค่อยอยากขึ้นหน้าหากไม่จำเป็น เอาคนที่พูดเก่งๆเป็นคนนำดีกว่า ถ้าเป็นเรื่องวิชาการคงได้ยินเสียงผมมากขึ้น
๒. พี่วินน่าจะมีคนเดียวนะครับ คือธนวินทร์ คนที่ไปเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรตอนอยู่บนรถ
๓. น้องอยากไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ แต่จับต้องไม่ได้ จะสนุกหรือครับ พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่เขามีแต่ของตั้งให้ดู มีข้อมูลประกอบไม่เท่าไร ถ้าผมพาไปก็อาจมีข้อมูลเกี่ยวกับวรรณคดีมากหน่อย เพราะชอบอ่าน แต่ตัวสถานที่อาจเข้าถึงได้ยาก
๔. พอดีได้สปอนเซอร์และความเอื้อเฟื้อมาเยอะ เลยต้องมีพิธีการบ้างแหละครับ ถ้าจัดเป็นแบบทัวร์จริงๆ คงไม่ต้องมีพิธิรีตองมาก ส่วนทีวีนั้นเขาไปได้ข่าวมาอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่เราก็ถือเป็นการเผยแพร่ที่ดีนะครับ

ผมเองก็อยากให้การจัดเที่ยวแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน นั่นคือคนจัดสามารถจัดได้ไม่ขาดทุนเงินและแรงงาน คนเที่ยวก็เที่ยวได้อย่างลูกค้าที่ไม่ต้องรู้สึกได้รับการช่วยเหลือเหมือนงานการกุศล

ตอนแรกนึกว่าไปกันครั้งเดียวเข็ด ไม่อยากไปกันแล้วเสียอีก ยินดีมากที่ชอบกันครับ

วิษณุ

พระเจ้า .... ไม่เข็ดหรอกครับ ..... ถึงแม้เบื้องหลังจะเหนื่อยกับการประสานงานกับคนหมู่มาก ความต้องการที่หลายหลาก และการประณีประนอมเพื่อการยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อคนหมู่มาก (ที่ไม่ได้อยู่ร่วมกันในสำนักงานเดียวกัน)

ถ้าถามว่า เข็ดไหม ... ก็ต้องตอบว่า ยังไม่เข็ด แต่มีบทเรียนเยอะมากๆ จากกิจกรรมครั้งนี้

- ควรกำหนดขอบเขตให้แน่นอนว่า ขนาดของโครงการควรใหญ่แค่ไหนในระดับที่พึงพอใจทั้งฝ่ายคนตาบอดและพี่อาสาสมัคร เพราะน้องบอลซึ่งเป็นน้องที่ริเริ่มโครงการมองโครงการนี้เป็นโครงการเล็กๆ ผู้เข้าร่วมไม่เกิน ๑๒ คน แต่ที่ผ่านมาเหมือนเขื่อนน้ำแตก ผู้สนใจและให้ความร่วมมือสนับสนุนทำให้โครงการใหญ่ขึ้นมากและเหนื่อยมากกับการบริหารจัดการและควบคุม

- หากหลักการและเหตุผลของโครงการเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ หรือมีคุณค่าในเรื่องการแก้ไขปัญหาสังคม ก็ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่นี้หลายๆ เดือนน่ะครับ เพราะเราไม่ได้เตรียมใจที่จะออกไปหาผู้สนับสนุนโครงการหรือการยอมรับให้มีการถ่ายทำกิจกรรมผ่านสื่อ

- ควรมีศุนย์รวมข่าวประชาสัมพันธ์ทำหน้าที่เป็นแหล่งระดมความคิดเห็น ความช่วยเหลือ และทิศทางของโครงการให้เดินไปในทางที่เหมาะสม ถูกต้อง ตรงตามความต้องการของทั้งน้องๆ คนตาบอดและพี่อาสาสมัคร ซึ่งที่ผ่านมา อำนาจการตัดสินใจตกอยู่ในมือของตัวแทนบางกลุ่ม ซึ่งจะตัดสินใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งค่อนข้างยาก/ล่าช้า/เสียเวลากับการประสานงาน ซึ่งดูเหมือนว่า ทั้งหลายทั้งปวง เราเหนื่อยกับเรื่องค่อนข้างง่ายเหมือนเส้นผมบังภูเขาครับ เพียงแค่ได้ยินเสียงจากพรรคพวกสักหน่อย การตัดสินใจก็จะง่ายขึ้น

ถ้าฟ้าจะประทานพร ให้โครงการนี้ได้จัดอีกครั้งในอีก ๑๒ เดือนข้างหน้า หรือ ๖ เดือนข้างหน้า ผมอยากให้เว็บนี้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเราน่ะครับ และอยากใช้เวทีนี้เป็นแหล่งในการระดมความคิด ความต้องการของคนตาบอดว่า ที่จริงแล้ว อยากจะเดินทางไปไหน ทำอะไร เพื่ออะไร/เพื่อใคร ความคาดหวังแค่ไหน และพี่อาสาสามารถทำความฝันของน้องๆ ให้เป็นจริงได้ในระดับไหน

ตอนแรกนึกว่าจะได้สัมผัสวัดจีนมากกว่านี้ แต่วิทยากรก็ย้ำอยู่หลายรอบว่า "สัมผัสด้วยใจ" ถ้าน้องจะไปพิพิธภันธ์ ก็คงไม่ต่างกันหรอกครับ (เขียนผิดแน่ๆ)

โบ

สะกดเกือบถูกแล้วค่ะพี่โบ ผิดแค่พยางค์สุดท้ายเอง ภัณฑ์ สะกดด้วย ณ เณร และ ฑ นางมณโฑ (เอ...สะกดยังไงล่ะ) ค่ะ ไม่ใช่ น หนู และ ธ ธง นะคะ

ปอมเคยอ่านข่าวเจอว่าที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของไทยเราได้มีการจัดโครงการทำวัตถุโบราณจำลอง หรืออะไรนะคะที่ให้คนตาบอดสัมผัสได้น่ะค่ะ ที่เค้าว่าจะมีการฝึกให้คนตาบอดเป็นไกด์ไว้นำคนตาบอดเที่ยวชมด้วยน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมายังไงคะ ปอมได้อ่านข่าวยังตั้งใจว่าอยากไปเที่ยวชมอยู่เลยค่ะ แต่พอกลับมาเมืองไทยไม่ได้ข่าวเลย เลยไม่แน่ใจว่าเค้ายังมีโครงการนี้อยู่หรือเปล่า แล้วถ้าเราเป็นคนตาบอดไปเที่ยวชมจะมีโอกาสได้จับอะไรบ้างหรือเปล่า

ปอมมีโอกาสได้ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษ อย่างที่ British Museum นีในห้องอียิปต์ และ Pathenon เค้าจะมีบางชิ้นที่ให้เราจับได้ มีการทำวิหาร Pathenon จำลองให้คนตาบอดสัมผัสได้ด้วยค่ะ หรือถ้าวัตถุบางชิ้นที่จับไม่ได้นี่เค้าก็จะมีทำเป็นภาพนูนให้สัมผัสแทน แต่ก็น่าเสียดายที่ว่าของในพิพิธภัณฑ์มีมากมายหลายห้องหลายชั้น แต่ที่ให้คนตาบอดจับได้มีอยู่นิดเดียว เราแอบหวังไว้มากพอสมควรกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินี้ว่าน่าจะมีของให้ได้จับเยอะ เพราะเท่าที่เคยไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์อื่นๆ ในอังกฤษ รู้สึกค่อนข้างประทับใจ เพราะว่ามีอะไรให้จับได้หลายอย่าง มีภาพนูนให้ได้สัมผัสแทนของจริงในกรณีที่ให้สัมผัสไม่ได้ (อย่างมงกุฎพระราชินีที่ Tower of London) แล้วนอกจากนั้นยังมี audio tour บรรยายสิ่งต่างๆ พร้อมประวัติความเป็นมาให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย มันเลยทำให้ประสบการณ์ในการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเราสนุกและสมบูรณ์ขึ้น ไม่อย่างนั้นคนตาบอดอย่างเราก็ได้แต่เดินฟัง แล้วก็เออออไปกับคำบรรยายที่ผู้ร่วมทางของเราอ่านให้ฟัง

ไม่รู้ว่าจะหวังมากไปหรือเปล่า แต่อยากให้ ททท. ที่เคยมีข่าวว่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คนพิการได้มีโอกาสออกไปท่องเที่ยวมากขึ้น ได้ทำสถานที่ท่องเที่ยว ข้อมูลประกอบ และสิ่งต่างๆ ให้คนตาบอดและคนพิการประเภทอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

อ้อ! ลืมชื่นชมไปอีกนิดค่พี่ๆ อาสา อยากบอกว่าชอบมากค่ะที่มีการค้นคว้าข้อมูลของสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวกันมาอ่านให้ฟังก่อนที่จะไปเที่ยวสถานที่จริงด้วยค่ะ ทำให้การเที่ยวได้อรรถรสมากขึ้น ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงไปในตัว ขอบคุณมากค่ะ :)

อิจฉาหนูปอมจังที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ British musium น่ะครับ พี่ไป London แทบจะนับครั้งได้ เสียดายจัง.... หาโอกาสไม่ได้ง่ายหรอกน่ะชีวิตนี้.... เห็นด้วยน่ะครับ.... ถ้าจะได้ไปที่ไหนแล้วได้มีโอกาสสัมผัส .... จำได้ว่า เคยเข้าไปที่ Roman Bath ทำได้แต่เพียงเอามือไปจุ่มในน้ำแร่ และโยนเศษสตางค์หรือเหรียญลงไปในบ่อน้ำน่ะครับ .... เป็นคนที่ทนฟังอะไรนานๆไม่ไหว.... สำหรับมือถือที่มีไว้เพื่อกดปุ่มเพื่อรับฟังคำบรรยายก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่...... ที่จริงแล้ว เชื่อว่า น้องๆ หลายคนก็ยังรู้สึกพอใจสำหรับการรับฟังคำบรรยายล้วนๆ น่ะครับ (ถึงแม้จะไม่ได้มีโอกาสสัมผัสจริงๆ ก็ตาม บรรยากาศร่วมก็น่าจะโออยู่)

โบ

บรรยากาศร่วมและคำบรรยายจากเพื่อนที่ไปด้วยกันก็โอเคค่ะ แต่ในบางครั้งมันก็ต้องใช้จินตนาการมากพอสมควร (แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้ที่จินาการไปน่ะมันถูกหรือเปล่า) แล้วอย่างปอมเคยมองเห็นมาก่อนเราก็ยังพอมีภาพที่เคยมองเห็นอยู่ในหัว แต่สำหรับคนตาบอดที่อาจบอดสนิทมาตั้งแต่เกิดก็อาจจะยากนิดนึงนะคะ

เมื่อก่อนที่ปอมมองเห็นปอมก็ชอบนะคะพี่ที่จะเห็นสถานที่ต่างๆ ด้วยตา เราสามารถชื่นชมและดื่มด่ำกับภาพที่เราเห็นได้ (ถึงแม้ว่าสิ่งที่เห็นบางทีอาจจะพร่ามัวไปบ้าง) แต่หลังจากที่ตาปอมแย่ลงปอมเริ่มรู้สึกว่าการไปเที่ยวแบบที่ต้องใช้ตามองอย่างเดียวมันชักไม่ค่อยสนุกแล้วค่ะ ไม่เหมือนกับการเที่ยวที่เราได้ใช้ประสาทสัมผัสอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การดมกลิ่น การฟังเสียง การลิ้มรส และการสัมผัสนะคะ

เห็นด้วยกับน้องปอมทุกอย่างน่ะครับ..... แต่กำลังนึกว่า ความสุขใจที่ได้ทำบุญจากงานวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เจ๋งมากๆ.... ผลจากการที่เรารู้สึกว่า ยังเที่ยวไม่สุด .... พวกเราเลยแอบจัด Trip ย่อยๆ ไปพักผ่อนที่สวนสน ปลายเดือนนี้ เพื่อลดความเครียด เซ็ง จากการทำงานตลอดทั้งปี วางแผนว่า จะเป็นทัวร์กินสะบัด หาข้อมูลว่า ที่ไหน มีอะไรกินอร่อยๆ จะกินตลอดทางให้สนุกไปเลย เน้นอโคจรสถาน และความบันเทิงอันลี้ลับ ห้าห้าห้า ถ้าพี่อาสาท่านไหนสนใจที่จะไปแจม ก็วางกระทู้มาได้เลยน่ะครับ